" "

กระชุ่มกระชวยขึ้น

กระชุ่มกระชวยขึ้น

กระชุ่มกระชวยขึ้น

เมื่อมาถึงจุดนี้ แฟนบอลลิเวอร์พูลก็น่าจะเบาใจได้มากขึ้นอีก

สมาชิกทุกทีมในพรีเมียร์ลีกลงมติเป็นเอกฉันท์เรื่องการกลับมาเตะเพื่อเคลียร์ฤดูกาล 2019/20 ให้จบว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่เราคาดกันไว้

นั่นคือเตะกันต่อ ลุยกันต่อ

ยังมีปัญหาที่ต้องสะสางกันอีกยกและน่าจะเป็นยกใหญ่เสียด้วยในเมื่อผู้ซื้อลิขสิทธิ์ยังไม่ยอมเสียประโยชน์จากการที่ลีกมีปัญหา

กันเรื่องที่ว่าสุดวิสัยเพราะไวรัสบ้าบอเอาไว้ก่อน มันคือเรื่องที่ต้องหยิบยกมาพิจารณาในการหาข้อสรุปร่วมกันอีกทีแน่นอน แต่ ณ เวลานี้ผู้ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดย่อมดำเนินการตามสิทธิ์ของตัวเอง

คือฟุตบอลกลับมาเตะกันต่อได้ก็จริงแต่คุณสมบัติของมันไม่ครบถ้วน บรรยากาศที่หายไป โปรแกรมการแข่งขันที่ต้องจัดกันใหม่ คุณภาพของเกมที่ลดลง ในฐานะผู้ซื้อลิขสิทธิ์ย่อมมองได้ว่าสินค้าที่ตัวเองประมูลมานั้นมีคุณค่าลดลง

อย่างน้อยก็แรงจูงใจในการสมัครสมาชิกของผู้คนก็ต้องลดลง ฟุตบอลเตะแบบไม่มีคนดูมันจะไปน่าดูยังไง

เพราะฉะนั้นข่าวที่ว่าผู้ซื้อลิขสิทธิ์อย่างสกายและบีทีสปอร์ตส์ยังคงจะเรียกร้องค่าชดเชยจากพรีเมียร์ลีก 340 ล้านปอนด์จึงไม่ใช่เรื่องแปลก พวกเขาเรียกร้องตามสิทธิ์ที่พึงมีโดยประเมินมูลค่าความเสียดายออกมาว่าเท่านี้ในกรณีที่เตะกันต่อไปจนจบนัดที่ 38 ได้จริงๆ (ถ้าเตะไม่จบก็เรียกเงินชดเชยอีกราคาหนึ่ง)

สิทธิ์ก็ว่ากันตามสิทธิ์ คุณมีสิทธิ์เรียกค่าชดเชยก็เรียกไป แต่กระบวนการพิจารณาต้องไปว่ากันอีกครั้ง แล้วเรื่องเหตุสุดวิสัยของโลกอย่างโควิด-19 นี่ทั้งสกายและบีทีสปอร์ตส์ก็คงจะเผื่อใจเอาไว้บ้างแล้วเหมือนกันว่าถ้าจะได้ค่าชดเชยกลับมาจริงก็คงเป็นแค่บางส่วนจากที่แทงเรื่องไป

นั่นคือส่ิงที่ไปว่ากันตามกฎหมาย ส่วนทางฟุตบอลก็เตะกันต่อตามหน้าที่ คือถ้าเตะต่อจนจบ เงินชดเชยที่ต้องจ่ายให้ผู้ซื้อลิขสิทธิ์ก็อาจจะน้อยหน่อยหรือไม่ต้องจ่ายเลย (ไม่ต้องจ่ายเลยคงจะไม่ใช่ อย่างน้อยก็อาจจะมีลักษณะของการเยียวยาผู้ซื้อลิขสิทธิ์ในระดับหนึ่ง) แต่ถ้าไม่เตะต่อเลยก็อาจต้องจ่ายค่าชดเชยมากขึ้น

หลายสโมสรที่มีเงินรายได้จากการถ่ายทอดสดตรงนี้เข้าไปหล่อเลี้ยงกิจการจึงต้องพยายามให้มีเกมเตะให้จบซีซั่น มันเป็นเรื่องของความอยู่รอด ขณะที่นักเตะนั้นแยกเป็น 2 ฝ่ายทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ส่วนแฟนบอลนั้นอันที่จริงคือจะอย่างไรก็ได้ ขอแค่ให้มีบทสรุปออกมาก็แล้วกันว่าอันดับ 1-20 เป็นของใครจับจอง แต่ถ้าจะให้ดีก็มาเตะเคลียร์กันไปให้จบ 38 นัด

มีบุนเดสลีกาทำให้เห็นแล้ว ลีกเมืองเบียร์นั้นเริ่มเตะกันต่อแล้ว แต้มขยับ ลีกเดินหน้าสู่จุดหมายปลายทางนัดที่ 34 เพราะฉะนั้นพรีเมียร์ลีกก็น่าจะลุยต่อไป

ยังมีเวลาให้สังเกตการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในเยอรมัน หลังกลับมาเตะกันอีกครั้งเรารอดูอีก 14 วันว่าจะมีใครติดเชื้อเพิ่มขึ้นแค่ไหนอย่างไรไหม

เป็นการรอคอยที่ทำให้ใจระทึกทีเดียว ไม่เพียงแค่ลุ้นกันในเยอรมันเท่านั้นหากยังลุ้นกันทั้งยุโรปโดยเฉพาะ 3 ลีกใหญ่ของทวีปทั้งอังกฤษ สเปน อิตาลี ที่กำหนดกลับมาเตะอยู่ที่ 12-13 มิ.ย.

ส่วนแฟนลิเวอร์พูล สถานการณ์ที่เป็นอยู่ได้ฉลองแน่นอน เรื่องโมฆะตัดทิ้งได้แล้วหรืออย่างน้อยก็ 99 เปอร์เซนต์แล้วที่ลีกจะมีบทสรุปเรื่องตำแหน่งแชมป์แน่ๆ ไม่ว่าจะแข่งจบหรือไม่จบ

ได้แข่งต่อให้จบ ก็น่าตื่นเต้นดีตรงที่เราจะได้เห็นนักเตะกลับมาลงสนามอีกครั้ง การขาดเกมฟุตบอลไปทำให้ชีวิตเราหมองหม่นจริงๆ เดอะค็อปที่ไม่ได้ดูทีมรักลงเล่นก็เช่นกัน

ก้าวแรกของโปรเจ็กต์รีสตาร์ตได้รับการยืนยันแล้ว ทุกอย่างเดินหน้าต่อตามไฟเขียวจากรัฐบาลที่มองว่าการกลับมาทำกิจกรรมแข่งขันกีฬาได้ตามปกตินั้นคือการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

เดอะค็อปจะได้พบกับวินาทีที่ได้เฮกันสุดเสียงเมื่อผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลา รู้ผลแบบนั้นมันย่อมดีกว่าได้แชมป์แบบตัดจบแล้วยกแชมป์ให้เป็นไหนๆ

ทุกความเคลื่อนไหวที่ผ่านไปเป็นคุณกับแฟนบอลลิเวอร์พูล ความกังวลเริ่มคลายลงมาพักใหญ่แล้วและมันยังคลายลงเรื่อยๆ

ลีกสกอตต์อาจจะตัดจบ ลีกทูอาจจะตัดจบ ลีกวันกำลังจะตัดจบตามไป แต่พรีเมียร์ลีกต่อให้ตัดจบเดอะค็อปก็จะยังได้เห็นทีมรักคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่ดี เหลือเพียงแค่เป็นแชมป์ด้วยวิธีไหนเท่านั้นเอง

ช่วงระหว่างรอพรีเมียร์ลีกกลับมาเตะก็ดูบุนเดสลีกาเซิ้งแข้งกันไปก่อนพร้อมกับลุ้นให้ 14 วันผ่านไปโดยไม่มีใครติดเชื้อเพิ่ม น่าคิดอยู่เหมือนกันว่าถ้ามีติดเชื้อสักคนบุนเดสลีกาจะตัดสินใจอย่างไรถ้าหานักเตะคนนั้นลงสนามในสัปดาห์ล่าสุดด้วย

แค่รอดูเรื่องนี้ก็ใจระทึกแล้ว แต่นั่นคือเรื่องของอนาคตและมาตรฐานที่จะกำหนดออกมากันอีกที

แล้วระหว่างที่ดูบอลเยอรมันกับลุ้นผลตรวจเชื้อในช่วง 14 วันหลังคัมแบ๊กเตะ เราก็ได้ดูภาพซ้อมของทีมรักในพรีเมียร์ลีกไปด้วย

ได้เห็น ฟีร์มีโน่ ฟาน ไดค์ เทรนต์ ไวจ์นัลดุม อลีสซง เทรนต์ ซาลาห์ มาเน่ และใครต่อกลับกลับมาลงสนามซ้อมอีกครั้ง

แม้จะยังมีข้อห้ามเรื่องการเข้าปะทะและยังต้องรักษาระยะห่าง Social distancing แต่เชื่อว่าแค่นี้ก็ทำให้หัวใจเดอะค็อปพองโตและกระชุ่มกระชวยขึ้นมาอีกมากแล้ว

จินตนาการไปถึงวันที่ 12 มิ.ย. ที่พรีเมียร์ลีกจะกลับมาเตะกันต่อตามที่กำหนดเอาไว้ มันคงน่าตื่นเต้นทีเดียว กระแสฟีเวอร์อาจจะกลับมาอบอวลก็ได้

เขาบอกว่าการรอคอยนั้นหอมหวานเสมอ คราวนี้เองก็คงเช่นกัน

.

.

บทความโดย :: ป้าพล็อต

ติดตามข่าวสารได้ที่ :: ข่าวฟุตบอลต่างประเทศ

บทความก่อนหน้า :: กองหลังที่เก่งที่สุด