“การทำงานแบบผี-ผี”
คริส สมอลลิ่ง เพิ่งจะออกมาเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวช่วงท้ายชีวิตค้าแข้ง
กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นอีกครั้งถึงกระบวนการทำงานหลังฉากอันห่วยแตก
สมอลลิ่ง ย้ายไปร่วมทีม อาแอส โรม่า แบบยืมตัวเมื่อหน้าร้อนปีก่อน และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด ก่อนจะโยกกลับไปร่วมทีมเมืองหลวงอิตาลีแบบถาวรเมื่อเดือนตุลาคม
ปราการหลังเลือดผู้ดีปิดฉากชีวิตค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เอาไว้ที่ 10 ปีเต็ม ลงสนามรวมทั้งหมด 323 เกม ยิงไป 13 ประตู
แนวรับวัย 30 ปีเล่าให้ฟัง เขารู้ทันทีว่าอนาคตค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สิ้นสุดลงแล้ว หลังจากที่โดนตัดชื่อออกจากขนาดขุมกำลังในเกมเปิดฤดูกาล 2019/20
หลังจากนั้นเขาก็ได้รับการยืนยันจากทางสโมสรว่าจะไม่ได้เล่นในพรีเมียร์ลีกอีก หลังตลาดซื้อ-ขายระหว่างทีมในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีปิดตัวลง สร้างความหัวเสียให้กับเจ้าตัวเหมือนกัน
“ผมรู้ว่าวันเวลาของผมในยุคของ โอเล่ กำลังนับถอยหลังลงแล้ว ผมหัวเสียนิดหน่อย อย่างแรกเลย ผมอยากให้ทีมแจ้งเรื่องอนาคตกับผมเร็วกว่านี้ อย่างที่ 2 ผมสามารถย้ายได้ทั้งที่เหลือเวลาอีกเพียงวันเดียวสำหรับการทำการในตลาดอิตาลี”
“ตลาดอังกฤษปิดตัวไปแล้ว ผมถึงกับสตั๊นกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมต้องเลือก หลังจากที่ผมได้คุยกับ โซลชา เขาก็บอกกับผมประมาณว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะได้ลงเล่นอีกทีเมื่อไหร่”
“กับสถานการณ์แบบนี้ ผมอยากรู้สถานะของตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ และวางแผนเอาไว้หลายๆทาง ซึ่งกลายเป็นว่าตอนนั้นผมเหลือเวลาอีกเพียงวันเดียว ภรรยาผมก็เพิ่งจะคลอดลูก มีหลายเรื่องหลายราวเกิดขึ้นในช่วงนาทีสุดท้าย” สมอลลิ่ง บ่นยาว
ไม่ใช่เพียงการย้ายทีมครั้งนั้นที่ทำให้ สมอลลิ่ง หัวเสีย หากแต่รวมถึงการดำเนินการย้ายถาวรในซัมเมอร์ล่าสุดด้วย
“ผมคิดว่าตัวเองจะไม่ได้ย้ายมากกว่าหนึ่งครั้งด้วยซ้ำไป แม้กระทั่งในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้าที่จะได้ย้ายจริง”
“มีหลายครั้งเหมือนกันที่โอกาสดูเหมือนจะปิดตายลงไป มันเป็นสถานการณ์แบบ 50-50 อยู่ตลอดเวลา”
“เรารู้ว่ามีอะไรหลายอย่างที่เป็นใจให้กับทางของเรา แต่มันก็ไม่มีอะไรที่ยืนยันกับเราได้แน่นอน”
“และเห็นจะเป็นช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมง (หลังตลาดอิตาลีปิดตัว) เราก็ยังรอการยืนยันอยู่เลย”
สมอลลิ่ง พยายามจะชี้ให้เห็นว่า ทีมงานบริหารเบื้องหลังของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เนี่ย ทำงานกันขาดความชัดเจน และเชื่องช้า หาทำยาไม่ได้ มองหาความแน่นอนไม่มีเลย
เชื่อว่าทุกคนเคยได้ยินเรื่องราวแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง กับหลายๆดีล ทีมงานบริหารทำให้นักเตะมาด่าตามหลังนับครั้งไม่ถ้วน
และก็เชื่อเหมือนกันอีกว่า ถ้าสโมสรยังคงใช้ทีมงานการเจรจาชุดเดิมอย่าง แม็ตต์ จัดจ์ และ เอ็ด วู้ดเวิร์ด
การออกมาด่าไล่หลังแบบนี้
ไม่ได้จบแค่ที่ สมอลลิ่ง แน่นอน
บทความโดย :: ตุ้ย พันเข็ม
อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้
บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้
เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี