" "

“เมื่อน้าเลิกไนซ์”

“เมื่อน้าเลิกไนซ์”

“เมื่อน้าเลิกไนซ์”
.
.
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้ชื่อว่าเป็นโค้ชที่ภาพลักษณ์สุดไนซ์ เป็นคนดูไม่น่ามีพิษมีภัยหรือปากเสียงกับชาวบ้านเขาเท่าไหร่

ลักษณะแบบนี้มันดีแหละ ดีกว่ามาดกวนๆชอบหาเรื่องคนอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ มากโข แต่บางทีมันก็ควรจะมีมุมแข็งกร้าวกับเขาบ้าง

ช่วงหลังมานี้เราก็ได้เห็นด้านมืดของ โซลชา หลายครั้งเหมือนกัน เช่นไอ้ตอนที่ตะโกนด่า ทำหน้าถมึงทึงใส่ เจสซี่ ลินการ์ด ระหว่างเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นไง

การให้สัมภาษณ์กับ ยูไนเต็ด วี สแตนด์ ล่าสุดก็เล่นเอาแฟนผีไม่อยากจะเชื่อหู เชื่อสายตาตัวเองเหมือนกัน

“ผมขอปล่อยให้ทีมตัวเองมี ‘รูโหว่’ ดีกว่าต้องมี ‘สิ่งเลวร้าย’ อยู่ในทีม บุคลิกเป็นสิ่งสำคัญมาก เราเป็นทีมที่มีทีมเป็นสิ่งแวดล้อม เราอยากให้นักเตะมีอีโก้บ้าง และมีความก้าวหน้า แต่พวกเขาต้องปรับตัว”

“ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2019 นักเตะเหนื่อยทั้งกายและใจ แถมยังมีอาการบาดเจ็บ ลูกทีมของเราเริ่มจะมีความคิดเชิงลบ ซึ่งตอนนี้มันกลับมาเป็นบวกแล้ว”

“มีอีกหลายอย่างที่ผมไม่ชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อน มีเรื่องเกี่ยวกับนักเตะส่วนบุคคลที่ยังไม้ได้รับการแก้ไขจนกระทั่งช่วงซัมเมอร์”

“มีนักเตะที่อยากลงเล่นมากกว่าเดิมเสมอ แต่ถ้าทีมอยากประสบความสำเร็จ นักเตะต้องพร้อมที่จะลงสนามในทุกเวลา ผมรู้สึกวาในทีมชุดนี้ ตอนนี้ทีมของเราไม่มีแอปเปิ้ลเน่าอยู่ในทีมเลย”

“เมื่อคุณชนะ ทุกอย่างก็ง่าย แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาอันยากลำบากเมื่อไหร่ ตอนนั้นแหละที่คุณจะรู้ว่า ใครที่คุณต้องการ และใครมีทัศนคติที่ดี”

“เราไม่ได้เห็นเรื่องแบบนั้นเลยกระทั่งหลังเกมที่ ปารีส ในช่วงที่เรามีผลงานห่วยแตก นั่นคือช่วงเวลาที่ทำให้ผมได้เห็นว่า ผมจะสามารถสร้างทีมในระยะยาวจากนักเตะคนไหนได้บ้าง เพื่อให้เป็นขุมกำลังที่ประสบความสำเร็จ”

“ฟุตบอลต้องการอีโก้อยู่บ้าง แต่ทีมต้องมาก่อน ผมมองเห็นอะไรมากขึ้นเรื่อยๆในช่วงท้ายฤดูกาล ว่ามีอะไรที่ต้องการการปรับปรุง” โซลชา อธิบาย

นายใหญ่ชาวนอร์เวย์แสดงให้เห็นถึงภาพความเด็ดขาดของตัวเอง ที่มีต่อการปรับโฉมทีมตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา กับการเขี่ยคนที่เขาคิดว่าไม่น่าจะเป็นวัตถุดิบให้เขาสามารถสร้างทีมต่อออกไปได้

แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คนที่เขาปล่อยๆออกไปนั้น คนไหนบ้างที่เขาบอกว่าเป็น ‘สิ่งเลวร้าย’ และยอมให้ทีมเกิดรูโหว่ เสียดีกว่ามีคนพวกนี้อยู่ในทีม

.

.

บทความโดย :: ตุ้ย พันเข็ม

ติดตามข่าวสารได้ที่ :: ข่าวฟุตบอลต่างประเทศ

บทความก่อนหน้า :: “ความจริงจากริโอ”