" "

เหมือนได้นักเตะใหม่

เหมือนได้นักเตะใหม่

 

นับตั้งแต่ปัญหาใหญ่เข้ามาทักทายเมื่อกลางเดือนตุลาคม ลิเวอร์พูลยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เจ็บหนักพักยาวอาจจะเกือบทั้งฤดูกาล มันตามมาด้วยข่าวร้ายน้อยใหญ่ยาวเป็นหางว่าว ตีอาโก้ อัลกันตาร่าเจ็บ โจ โกเมซเจ็บ แอนดี้ โรเบิร์ตสันเจ็บ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์เจ็บ ฟาบินโญ่เจ็บ จอร์แดน เฮนเดอร์สันเจ็บ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ติดโควิด-19 เนโก้ วิลเลียมส์เจ็บ เจมส์ มิลเนอร์เจ็บ คอสตาส ซิมิกาสเจ็บ นาบี เกอิต้าเจ็บ เซอร์ดาน ชากิรี่เจ็บ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนยังเจ็บ ดีโอโก้ โชต้าเจ็บ

บางคนเจ็บหนัก บางคนเจ็บนิดเดียว บางคนกลับมาแล้ว บางคนยังไม่พร้อมลงสนาม

ลิเวอร์พูลเต็มไปด้วยปัญหา มองอย่างหยาบๆ พวกเขาเจออุปสรรคทั้งเรื่องนักฟุตบอลและเกมฟุตบอล การตัดสิน VAR หลายครั้งค้านสายตาจนอดรู้สึกน้อยใจไม่ได้

มันคงไม่ได้มีใบสั่งหรือทฤษฎีสมคบคิดกลั่นแกล้งอะไรหรอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความจุกจิกมากจริงๆ

นับตั้งแต่วันนั้นมาถึงวันนี้กินเวลา 2 เดือนกับอีก 3 วัน ถ้ามองกันเฉพาะผลการแข่งขันมันก็มีเกมที่พวกเขาพลาด

แพ้อตาลันต้า เสมอแมนฯ ซิตี้ เสมอมิดทิลลันด์

สามเกมนี้เสียแต้มแต่ไม่เสียหายอะไร เกมกับอตาลันต้าและมิดทิลลันด์คือรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกที่สุดท้ายลิเวอร์พูลก็ยังตีตั๋วเข้ารอบน็อกเอ๊าต์ในฐานะแชมป์กลุ่ม ส่วนเกมแบ่งแต้มเรือใบสีฟ้าในลีกคือหนึ่งในเกมยากที่สุดของฤดูกาลเพราะต้องออกไปเยือนที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ซึ่งซีซั่นก่อนก็ถูกถล่มกลับมา 0-4

มีอยู่ 2 เกมที่พูดได้ว่าลิเวอร์พูลเสียหาย นั่นคือเสมอไบรท์ตัน กับเสมอฟูแล่ม

2 เกมนี้หายไป 4 คะแนน เพราะว่ากันตามมาตรฐานแล้วพวกเขาไม่น่าพลาด

กระนั้นถ้าเรามองภาพให้กว้างขึ้น มองแบบให้เห็นภาพรวม ลิเวอร์พูลพลาดไม่ใช่ว่าทีมอื่นจะไม่พลาด พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้มีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นบ่อยๆ มีเกมที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นหลายครั้ง

แมนฯ ซิตี้ก็พลาด สเปอร์สก็พลาด เชลซี อาร์เซน่อล แมนฯ ยูไนเต็ดต่างก็มีเกมทำแต้มกระเด็นหลุดมือกันทั้งนั้น

แน่นอนมันน่าเสียดายอยู่แล้วที่เสียคะแนนให้ไบรท์ตันในนาทีสุดท้าย แน่นอนมันน่าเสียดายอีกไล่บี้แซงฟูแล่มที่ป้อแป้หลังถูกตีเสมอไม่ได้

และก็แน่นอนอีกนั่นล่ะกับมุมมองที่ว่า ทีมอื่นพลาดแล้วเราต้องพลาดตามด้วยหรือ..

ก่อนอื่นเลยเราต้องเข้าใจก่อนว่าไม่มีทางที่ทีมไหนจะชนะรวดได้ทุกเกม เพราะคู่ต่อสู้เขาก็มือมีเท้า

จะดีหรือแย่ จะเป็นทีมใหญ่หรือเล็ก เขาก็มีมือมีเท้า เราไม่ได้เก่งแบบไร้เทียมทาน ฉกาจอย่างไร้ที่ติ หรือเป็นนักเตะแข้งเทวดามาจากไหน

พรีเมียร์ลีกหรือย้อนกลับไปในยุคที่ยังเป็นดิวิชั่หนึ่งเดิมก็ได้ ไม่เคยมีปีไหนที่แชมป์มีสถิติชนะรวด 100 เปอร์เซนต์

เราพลาด คู่แข่งก็พลาด การจะเป็นแชมป์เกมลีกนอกจากวัดกันว่าใครผลงานสม่ำเสมอที่สุดแล้วยังวัดกันอีกด้วยว่าใครพลาดน้อยกว่ากัน

เสียแต้มกับทีมเล็ก? อย่าไปจมปลักกับความเสียดายนั้นให้มาก ทีมใหญ่อื่นก็เสียแต้มกับทีมที่เล็กกว่าทั้งนั้น ไม่ต้องดูฤดูกาลนี้หรอก ย้อนกลับไปดูทุกฤดูกาลที่ผ่านมาก็ได้

อาร์เซน่อล 2001/02 มีเกมเสมอโบลตัน เสมอซันเดอร์แลนด์ แพ้นิวคาสเซิ่ล

แมนฯ ยูไนเต็ด 2008/09 เปิดหัวมาแค่เกมแรกก็เสมอนิวคาสเซิ่ลในบ้านตัวเองเสียแล้ว แล้วยังมีเสมอแอสตัน วิลล่า แพ้ฟูแล่ม

แบล็คเบิร์น 1994/95 เก็บจากนอริช ซิตี้ได้แค่แต้มเดียวจาก 2 นัดเหย้าเยือน เสมอโคเวนทรี แพ้เวสต์แฮม

เชลซี 2004/05 แพ้แมนฯ ซิตี้ในวันที่ยังขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างพรีเมียร์ลีกกับแชมเปี้ยนชิพ เสมอโบลตัน เสมอเบอร์มิงแฮม

กระทั่งทีมปืนใหญ่ฤดูกาลไร้พ่าย 2003/04 พวกเขายังสะดุดเสมอเลสเตอร์ เสมอโบลตัน เสมอนิวคาสเซิ่ล ทั้งยังถูกพอร์ทสมัธ ฟูแล่ม และเบอร์มิงแฮมแบ่งแต้มถึงไฮบิวรี่

ถามว่าเสียแต้มไหม.. ใช่

ถามว่าน่าเสียดายไหม.. มันก็ใช่อีกนั่นแหละ

แต่ถามว่าเมื่อจบฤดูกาลแล้วมีใครเสียดายกับแต้มที่เสียไปไหม.. ก็แชมป์ไปแล้วจะมาเสียดายอะไรเล่า

ท่ามกลางปัญหาสารพัดสารพันตลอด 2 เดือนอันวุ่นวายต้องปรับกระบวนทัพรับมืออยู่ทุกเกมๆ เจอร์เก้น คล็อปป์ยังพาลิเวอร์พูลผ่านเกมเดิมพันสูงๆ มาได้ตลอดรอดฝั่ง

ยิงแซงเวสต์แฮมนาที 85 บุกถล่มอตาลันต้า 5-0 บุกเสมอแมนฯ ซิตี้ 1-1

ต้อนเลสเตอร์ ซิตี้ 3-0 ยำใหญ่วูล์ฟแฮมป์ตัน 4-0 เบียดชนะสเปอร์สนาทีสุดท้าย

ยกพลไปถล่มคริสตัล พาเลซ 7-0

นำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกต่อไปแน่ๆ อีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์พร้อมทั้งโยนความกดดันให้คู่แข่งทั้งหลายที่พยายามไล่ตาม

เข้ารอบน็อกเอ๊าต์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม

นักฟุตบอลที่เจ็บยังมี แต่คนที่หายเจ็บก็เริ่มทยอยกลับมาช่วยทีมได้ เกมที่เซลเฮิร์สท์ พาร์ค เกอิต้าเล่นเต็มเวลา 90 นาที ขณะที่อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนได้ลงสนามเคาะสนิม

ไม่ได้พูดให้ประมาทว่าแชมป์อยู่ในมือ ไม่มีใครกล้าขนาดนั้น แต่พูดให้มองกว้างๆ ถึงอีกด้านบ้าง ให้คลายความกังวลกันลงไปหน่อย เพราะบางคนยังบ่นเสียดายแต้มจากเกมเจอไบรท์ตันและฟูแล่มไม่หาย

เอาแค่เสียดายพอหอมปากหอมคอ ดูภาพรวมเป็นหลัก ลิเวอร์พูลที่เจอปัญหามาตลอด 2 เดือนเศษนับตั้งแต่เสียฟานไดค์ปีนขึ้นสู่จ่าฝูงของลีกและตะลุยเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแชมเปี้ยนส์ ลีกได้ตั้งแต่ยังเตะไม่จบรอบแบ่งกลุ่ม

คล็อปป์พิสูจน์ให้เราเห็นอีกครั้งว่าในช่วงวิกฤติ ทีมยังมองหาโอกาสได้เสมอ

ไม่คร่ำครวญ แต่มองหาโอกาส หาช่องทางแก้ปัญหา หาวิธีเอาตัวรอด

มีปัญหาก็แก้ปัญหาถึงจะไปรอด มีปัญหาเอาแต่บ่นกับลมกับฟ้ากับโชคชะตามันจะเจอทางออกได้ยังไง

แล้วในช่วงเวลาที่คุณพบเจอแต่ปัญหา รู้ได้อย่างไรว่าจะไม่มีโอกาสเข้ามาหาคุณเลย..

ในช่วง 2 เดือนแห่งความอลเวง ลิเวอร์พูลเสียนักเตะเป็นว่าเล่น คนนี้เจ็บ คนนั้นเดี้ยง คนนู้นเข้าโรงหมอ แต่ไม่เพียงยังได้ผลการแข่งขันที่ดีต่อเนื่องเท่านั้น หากยังได้นักเตะใหม่มาร่วมทีมแม้ตลาดซื้อขายเดือนมกราคมจะยังไม่เปิด

ได้เคอร์ติส โจนส์ ได้รีส วิลเลียมส์ ได้ควีวิน เคลเลเฮอร์

ได้ฟาบินโญ่ในฐานะยอดเซนเตอร์แบ๊ก และล่าสุดทำท่าจะได้ ทาคุมิ มินามิโนะ อีกคน

2 เดือนแห่งความอลหม่าน เชียร์ไปกังวลไป แต่สุดท้ายก็ได้ชื่นใจ มันก็ไม่เลวเลยนี่

 

 

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.planetefootball.com/