" "

ด้านดีด้านแย่

ด้านดีด้านแย่

โลกโซเชียลนั้นบางทีก็น่ารังเกียจ

อันที่จริงเรื่องน่ารังเกียจมีอยู่ในทุกสังคม กระทั่งสังคมที่สมบูรณ์แบบที่สุดก็ยังหลีกเลี่ยงเรื่องน่ารังเกียจไม่พ้น

โลกโซเชียลนั้นบางทีก็น่ารังเกียจ

เพราะความคิดความอ่านการศึกษาและนิสัยใจคอของผู้คนมีหลากหลาย การแสดงออกก็ย่อมหลายหลาก มันคือความสวยงามของโลกที่มีความแตกต่างของผู้คนก็จริง แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็ย่อมทำให้มีพื้นที่สำหรับด้านมืดเช่นกัน

สิ่งที่ เนโก้ วิลเลียมส์ ต้องเจอตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้นคือเรื่องธรรมดา มันเกิดขึ้นได้บนโลกโซเชียลที่ยังมีความรับผิดชอบน้อยนิด การแสดงความคิดเห็นกลายเป็นพื้นที่ระบายอารมณ์ดิบและเถื่อน ถ้อยคำสนองความสะใจตามสันดานของตัวเองจึงโผล่มาให้เห็น

ที่แบ๊กขวาดาวรุ่งต้องเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นสีดำก็เพราะเรื่องนี้ ในใจเขาจะมีเหตุผลอย่างไรไม่อาจคาดเดาได้ เขาอาจแข็งแกร่งไม่รู้สึกรู้สาเพียงแค่รำคาญคอมเม้นต์งี่เง่าจากแฟนบอลโง่ๆ ก็ได้ หรืออาจจะเซนซิถีฟเก็บเอาคำด่าไปคิดจนไม่มีสมาธิก็ได้

เป็นไปได้หมด เพียงแต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็คือเขาจะได้รับความรัก ความอบอุ่น และกำลังใจจากผู้คนอีกมาก เขาย่อมได้รับรู้ว่าคนที่รักและสนับสนุนเขามีมากแค่ไหน แรงผลักดันที่เคยเงียบอยู่อาจจะดังขึ้นมาในครั้งนี้ก็ได้

เข้าใจว่าคอมเม้นต์โง่ๆ บนโลกโซเชียลนั้นไม่ได้มีคุณค่าอะไรให้ใส่ใจอีกแล้วในความรู้สึกของวิลเลี่ยมส์ แรงสนับสนุนล้นหลามที่มีให้เขานับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องควรจะล้นทะลักจนทลายความขุ่นมัวในใจลงสิ้น

เหมือนอย่างที่ เป๊ป ลีนเดอร์ส มือขวาของ เจอร์เก้น คล็อปป์ พูดไว้ในการแถลงข่าวความพร้อมก่อนเกมลีกคัพกับอาร์เซน่อลช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมานั่นแหละ อย่าไปให้ค่าอะไรกับคอมเม้นต์โง่ๆ เหล่านั้น และวิลเลียมส์เองก็เข้มแข็งพอที่จะเข้าใจมัน อีกทั้งยังได้รับกำลังใจและคำแนะนำที่ดีจากทุกคนในทีมไม่ว่าจะเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หรือใครต่อใครซึ่งรวมถึงคล็อปป์และตัวเขาเองด้วย

มันเป็นแค่อุปสรรคหนึ่งบนถนนชีวิตที่ยาวไกล วิลเลียมส์ต้องผ่านมันไปให้ได้ เหมือนนักเตะรุ่นพ่อรุ่นอาคนอื่นๆ เหมือนรุ่นพี่คนอื่นๆ เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ เปลี่ยนมันเป็นภูมิต้านทานและเข้าใจโลก

เรื่องราวของ เนโก้ วิลเลียมส์ ทำให้เกิดกระแสถกเถียงเกิดขึ้นกว้างขวาง แน่นอนส่วนใหญ่เห็นใจและแสดงความสนับสนุนแบ๊กดาวรุ่งอย่างเต็มที่ ขณะที่เจ้าตัวก็เลือกที่จะอยู่นิ่งๆ ไม่ตอบโต้ ไม่ทำตัวเป็นข่าว ไม่ตีอกชกตัวโวยวายให้เรื่องมันขยายใหญ่เกินจำเป็น

เขาก็ยังก้มหน้าก้มตาฝึกซ้อมต่อไป รอโอกาสแก้ตัวและทำให้ดีขึ้น

การกลับมาของเขานั้นอยู่ในทุกสายตาของเดอะค็อป

ชีวิตนักฟุตบอลของ เนโก้ วิลเลี่ยมส์ ยังอีกยาวไกล เขาจะไปสิ้นสุดที่ไหนไม่มีใครรู้ อาจกลายเป็นตำนานของลิเวอร์พูลก็ได้ อาจไปเป็นยอดนักเตะให้ทีมอื่นก็ได้ หรืออาจเป็นแค่นักฟุตบอลดาดๆ ธรรมดาที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงก็ได้

ทุกอย่างย่อมขึ้นอยู่กับจังหวะชีวิตของเขาเอง แต่สิ่งที่สำคัญมากในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อนี้คือทัศนคติ

มองอุปสรรคที่เกิดขึ้นอย่างไรและมองความสำเร็จที่เข้ามาอย่างไร นักฟุตบอลหลายคนพังเพราะไม่สามารถจัดการกับชื่อเสียงอันโด่งดังและรายได้มหาศาลตั้งแต่อายุยังน้อยได้ บางคนก็พังเพราะเสียสมาธิไปกับเรื่องนอกสนามทั้งหลาย จมอยู่แต่กับเสียงวิจารณ์ เรื่องเหล่านี้บางทีคุณก็ไม่อาจผ่านมันไปได้โดยลำพังหากต้องมีคนรอบข้างคอยประคับประคอง

เดอะค็อปส่วนใหญ่ก็คงเห็นใจวิลเลี่ยมส์กับสิ่งที่เขาต้องเจอและทำได้เพียงส่งกำลังใจไปให้ แต่คนที่มีบทบาทมากๆ คือเพื่อนร่วมทีมของเขา เจ้านายของเขา ต้นสังกัดของเขา และคนรอบข้างที่ใกล้ชิดกับเขา

เนโก้ วิลเลี่ยมส์ กลับมาลงสนามอีกครั้งท่ามกลางการจับตามองในเกมลีกคัพรอบสี่ที่ลิเวอร์พูลแพ้จุดโทษอาร์เซน่อลเมื่อคืนวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา

มันคือเกมปลดแอกของเขา เกมที่เขาใช้ในการประกาศตัวว่าเขาเข้าใจเรื่องราวต่างๆ มากขึ้น ได้รู้มากขึ้นว่าคนที่รักเขามีเยอะแค่ไหน

ฟอร์มการเล่นและผลงานในสนามเป็นเพียงเรื่องประกอบ แต่เขาเติบโตขึ้นจากเรื่องรบกวนใจที่เจอ เป็นผู้ใหญ่ขึ้นไม่เพียงในแง่ของการเป็นนักฟุตบอลเท่านั้นหากยังเป็นในฐานะของมนุษย์คนหนึ่ง

เราคงเคยเห็นบทสัมภาษณ์หรือคำพูดของนักฟุตบอลหลายคนยามอำลาทีมหรือแขวนสตั๊ดเลิกเล่น “ผมเติบโตขึ้นในฐานะคนๆ หนึ่ง” “สโมสรแห่งนี้มอบสิ่งล้ำค่าให้กับผมทั้งในด้านการเป็นนักฟุตบอลและคนธรรมดาคนหนึ่ง”

เพราะวงการฟุตบอลก็เป็นแค่หนึ่งวงการในโลกกว้าง เป็นเพียงสังคมย่อยสังคมหนึ่งในสังคมขนาดใหญ่ระดับมหภาค

ทุกคนต้องเจอปัญหา ทุกชีวิตต้องพบกับอุปสรรค มันคือสัจธรรมอยู่แล้ว

เราต้องรับมือกับมัน หนัก เบา หรือรับมือไม่ไหวก็ต้องเจอกับมัน เหมือนอย่างที่ เนโก้ วิลเลี่ยมส์ เจอ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา พวกเราเองก็เคยเจอหรือจะต้องเจอ อาจจะมาในรูปแบบเดียวกันหรือแตกต่าง

ขอเพียงมองมันอย่างเข้าใจ ไม่ปล่อยให้เรื่องเลวร้ายน่ารังเกียจนั้นเข้ามามีอิทธิพลกับตัวเราจนเกินไป

ไม่ได้บอกให้ปิดหูปิดตาไม่ฟังคำตำหนิติเตียนเลย เพราะแม้กระทั่งคำด่าที่รุนแรงก็อาจจะมีประโยชน์ซ่อนอยู่บ้างถ้าเรามองหาแก่นของมันเจอแล้วเอาแค่ส่วนนั้นมาพัฒนาตัวเอง

ดูและฟังอย่างคัดเลือก เฟ้นเอาแก่นที่พอจะเป็นประโยชน์นั้นมาใช้ถ้ามันจะพอมีอยู่บ้าง แต่ถ้าหาแล้วไม่เจอเลยจริงๆ ก็แค่ทิ้งมันไป ไม่อุ้มเอาไว้ให้หนัก คนต้นทางเขายังขี้ขลาดไม่กล้ารับผิดชอบคำพูดตัวเองเลย แล้วเราจะไปแบกรับมันทำไม

 

 

บทความโดย  :: ป้าพล็อต

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี