ปัญหาน่าหนักใจ
ปัญหาใหญ่ของลิเวอร์พูลในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องฟอร์มของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่
ที่ไม่รู้จะกลับมาอยู่ในภาพเดิมเมื่อไหร่แต่เป็นการบาดเจ็บไม่เว้นแต่ละเกม
ทุกนัดที่ลงสนามไปเดอะค็อปต้องลุ้นตัวโก่ง หวังและภาวนาไม่ให้นักเตะของตัวเองต้องเจอกับโชคร้ายเหมือนอย่างที่ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์เจอ
เหมือนที่ตีอาโก้ อัลกันตาร่าเจอ เหมือนที่ฟาบินโญ่ ที่เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์เจอ
ฟาน ไดค์ กับ ตีอาโก้ เจ็บจากเกมเอฟเวอร์ตัน ฟาบินโญ่เจ็บจากเกมมิดทิลลันด์ และเทรนท์เจ็บจากเกมล่าสุด
เจ็บเองบ้าง เจ็บเพราะการปะทะกับคู่แข่งบ้าง ที่แน่ๆ มันเพิ่งจะเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลไปแค่ 8 นัดในลีกและ 3 นัดในแชมเปี้ยนส์ ลีกเท่านั้น
เอง
การเจ็บของ ฟาบินโญ่ กับ เทรนท์ เป็นการเจ็บเอง คงจะเชื่อมโยงไม่ได้ตรงๆ กับเหตุผลเรื่องการเปลี่ยนตัวได้แค่ 3 คนในพรีเมียร์ลีกเพราะ
ไม่อย่างนั้นนักเตะทีมอื่นๆ ก็คงเจ็บกันทั่วลีก ทว่าก็เริ่มมีการส่งเสียงถึงประเด็นนี้หนักขึ้นบ้างเหมือนกัน
ในเวทียุโรปและลีกอื่นๆ การเปลี่ยนตัวในแต่ละเกมได้รับการยืดหยุ่นเป็นกรณีพิเศษคือเปลี่ยนได้ทีมละ 5 คน เหตุผลเนื่องจากการลงแข่ง
ในสภาวะแวดล้อมไม่ปกติอย่างช่วงโควิด-19 มีความเสี่ยงมากกว่าปกติและต้องใช้ร่างกายหนักกว่าปกติ
บางครั้งนักฟุตบอลไม่สามารถลงเล่นได้เพราะต้องกักตัวจากการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาก็พบว่ามีเกิดขึ้นเป็นระยะๆ นับ
ได้หลายสิบคนแล้ว
เมื่อนักฟุตบอลในทีมหายไปแต่ทีมยังต้องลงเตะต่อ นักเตะที่เหลือก็ย่อมรับภาระหนักขึ้น ต้องลงสนามด้วยข้อจำกัดนี้ในขณะที่ฟุตบอลก็เตะ
ถี่ขึ้นเพื่อบีบโปรแกรมให้กลับเข้าสู่ช่วงปฏิทินปกติให้เร็วที่สุดหลังจากที่การแข่งขันฤดูกาลก่อนยืดเยื้อจนกว่าจะจบซีซั่นด้วยนัดชิงเจ้ายุโรปก็
ปาเข้าไปปลายเดือนสิงหาคม
ฤดูกาลใหม่เริ่มช้ากว่าปฏิทินปกติร่วม 2 เดือน เราจึงได้เห็นโปรแกรมเตะถี่ยิบรวบรัดอย่างนี้ ฟุตบอลถ้วยยุโรปที่เตะสัปดาห์เว้นสัปดาห์ก็
กลายเป็นเตะทุกสัปดาห์ การใช้ร่างกายของนักฟุตบอลหนักหน่วงกว่าเดิม
การเปลี่ยนตัวได้ 5 คนจึงเป็นวิธีการช่วยบรรเทาความเข้มข้นของการใช้ร่างกายนักฟุตบอลโดยตรง นักเตะมีโอกาสได้สงวนพลังงานและลด
ความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บ
ปัญหาก็คือมติของสมาชิกพรีเมียร์ลีกโหวตเสียงส่วนใหญ่ออกมาแล้วว่าไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนตัว 5 คน หากยังยึดในกติกาเดิมเปลี่ยน
ตัวได้แค่ทีมละ 3 คน
แน่นอนมติส่วนใหญ่ย่อมควรเป็นที่เคารพ และนั่นทำให้ทีมที่มีภารกิจลงเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรปไม่ว่าจะถ้วยเล็กหรือถ้วยใหญ่ต้องแบกรับ
ความเสี่ยงเรื่องสภาพร่างกายของผู้เล่น
สำหรับลิเวอร์พูลแม้จะได้แต้มกลับมาจากแมนเชสเตอร์แต่เดอะค็อปได้เห็นความอึดอัดชัดเจนตลอด 90 นาที
ได้คะแนนจากการไปเยือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี แต่ความรู้สึกไม่ได้ดีใจ ปลื้มใจ หรือชื่นใจ ตรงข้ามกลับเป็นความ
หนักใจเกิดขึ้นแทน
ปัญหาบาดเจ็บของเทรนท์ที่เข้าไปสมทบกับ ฟาน ไดค์ ฟาบินโญ่ และ ตีอาโก้ คือเรื่องที่น่ากังวลเป็นอันดับหนึ่ง ยังไม่รวมคนที่เจ็บอยู่ก่อน
อย่าง อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน
รูปแบบการเล่น 4-2-3-1 ที่ส่งทั้ง ดีโอโก้ โชต้า ฟีร์มีโน่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ลงไปเล่นด้วยกันก็ยังไม่กลมกลืนดูติดๆ
ขัดๆ การเล่นของกองหลังที่มี โฌแอล มาติป กับ โจ โกเมซ ยืนเซนเตอร์แบ๊กคู่กันก็ยังไม่ชวนให้อุ่นใจ
แล้วเมื่อได้เห็น อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นสนาม เดอะค็อปก็ยิ่งใจหล่นไปที่ตาตุ่ม
มันจะอะไรกันนักหนา เหลือแค่ โกเมซ กับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แล้วนะที่ไม่เจ็บ แต่มันไล่มาเรื่อยๆ แล้วจะถึงคิวแจ๊กพ็อตเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็คงปวดหัวน่าดู แบ๊กโฟร์ที่เคยแข็งแกร่งถูกท้าทายอย่างหนักราวกับแกล้ง เหมือนความโชคร้ายพุ่งตรงมาที่เกมรับของทีม
ยังไงยังงั้น เพราะลองดูในทีมเวลานี้เกมรุกไม่มีปัญหาพร้อมลงทำหน้าที่กันถ้วนหน้าทั้งตัวจริงตัวสำรอง แต่เกมรับกระเบียดกระเสียรเป็นที่สุด
เจมส์ มิลเนอร์ต้องถูกเปลี่ยนลงมาเล่นแบ๊กขวาจำเป็นที่เอติฮัด สเตเดี้ยม
สภาพของกองหลังลิเวอร์พูลในตอนนี้ แบ๊กซ้ายยังเป็นโรเบิร์ตสัน คู่เซนเตอร์แบ๊กเป็นโกเมซกับมาติป แต่แบ๊กขวากลายเป็น เนโก้ วิลเลียมส์
แล้ว
ถ้ายังไม่แน่ใจในตัวเนโก้ แผงแบ๊กโฟร์อาจจะปรับเป็น โรเบิร์ตสัน-มาติป-ฟาบินโญ่-โกเมซ น่าจะดูเหมาะสมหลังจากที่จะได้มิดฟิลด์ชาว
บราซิเลี่ยนหายเจ็บกลับมา
แน่นอนในเมื่อคุณคงไม่สามารถกดดันหรือคาดหวังให้มีการปรับเปลี่ยนกฎเรื่องการเปลี่ยนตัวในเกมพรีเมียร์ลีกให้เป็น 5 คนได้ คุณก็
ต้องอยู่กับมันให้ได้ จะคร่ำครวญไปก็ไร้ประโยชน์
นี่คือด่านทดสอบที่หนักที่สุดแล้วสำหรับลิเวอร์พูลในยุคของเจอร์เก้น คล็อปป์ โดยตัวของฤดูกาล 2020/21 นี้เองก็โหดหินเป็นทุนเดิม
เพราะทุกทีมจ้องจะโค่นพวกเขาลงจากบัลลังก์ให้ได้แล้วยังต้องมาเจอพิษผลกระทบจากโควิด-19 อีก
ทีมหงส์แดงไม่ได้เจอปัญหาจากโควิด-19 แค่ทีมเดียวหรอก แต่พวกเขาได้เจอมันแล้ว เจอเข้าอย่างจังเลยด้วย
สถานการณ์ในตารางคะแนนหล่นจากจ่าฝูงลงมาอยู่อันดับ 3 พร้อมปัญหาน่าปวดหัวที่เพิ่มขึ้น มองในแง่ร้ายมันก็ร้ายนั่นแหละ แต่มองในแง่
ดีโปรแกรมที่ผ่านมาลิเวอร์พูลเจอเกมหนักเพียบทั้ง ลีดส์ เชลซี อาร์เซน่อล เอฟเวอร์ตัน และล่าสุดแมนฯ ซิตี้ แชมป์เก่ายังโกยคะแนนได้
เป็นกอบเป็นกำ
จะมองในแง่ไหนลิเวอร์พูลก็มีภารกิจที่จะต้องทำ คล็อปป์กับลูกทีมของเขาต้องรับมือกับอุปสรรคทั้งหลายที่เข้ามาให้ได้ ตอนนี้ก็ต้องลุ้นไม่ให้มีใครเจ็บเพิ่มจากเกมทีมชาติ ก่อนที่จะกลับมาว่ากันใหม่ในเกมลีกนัดที่ 9 ที่จะรับมือ เลสเตอร์ ซิตี้ ในแอนฟิลด์
บทความโดย :: ป้าพล็อต
อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้
บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้
เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี