" "

#ภารกิจต่อเนื่อง

#ภารกิจต่อเนื่อง

ภารกิจต่อเนื่อง

ความรู้สึกตอนที่เห็นทีมรักเป็นแชมป์มันเป็นอย่างนี้นี่เอง..

มันคงเป็นความคิดของใครหลายๆ คนที่มอบหัวใจให้กับลิเวอร์พูล

แฟนบอลลิเวอร์พูลนั้นนับว่าเป็นกลุ่มใหญ่ของวงการ กระจายไปในที่ต่างๆ ของโลก จะเรียกว่าทุกซอกมุมก็คงไม่ผิด ด้วยความเป็นที่นิยมของฟุตบอลอังกฤษที่สั่งสมมาหลายทศวรรษ

ฟุตบอลอังกฤษอาจจะได้เปรียบในเรื่องภาษา ภาษาอังกฤษใช้กันกว้างขวางกว่าภาษาเยอรมัน อิตาลี หรือสเปน ขณะที่สไตล์การเล่นของทีมฟุตบอลในอังกฤษจากอดีตเป็นแนวบู๊ดุดัน ไม่พูดพร่ำทำเพลง เสียงนกหวีดดังก็ใส่กันแหลกลาญ

บอลเล่นกันเร็วก็ยิ่งดูสนุก พื้นฐานความนิยมมาจากตรงนั้นไม่น้อย ประกอบกับในช่วงที่ฟุตบอลยุโรปเริ่มแพร่หลายไปยังพื้นที่ต่างๆ ของโลกผ่านการถ่ายทอดสดช่วงทศวรรษที่ 70-80 ฟุตบอลอังกฤษครองความเป็นเต้ยของวงการพอดีก็ยิ่งเป็นแรงบวกเข้าไปอีก

ตั้งแต่ปี 1977 ทีมตัวแทนจากอังกฤษครองทวีปชัดเจน ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยุโรปในปีนั้นแล้วต่อเนื่องในปี 1978 1981 และ 1984 ช่วงที่โหว่นั้น น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เสียบในปี 1979 กับ 1980 ขณะที่ แอสตัน วิลล่า เอาปี 1982 ไป

นั่นหมายความว่าทีมจากอังกฤษคว้าแชมป์ยุโรปถึง 7 สมัยในรอบ 8 ปี มีเพียงปี 1983 ปีเดียวที่ทีมจากชาติอื่นเป็นแชมป์นั่นคือ ฮัมบูร์ก ของเยอรมัน

ไม่เพียงเท่านั้น ปี 1985 ลิเวอร์พูลก็ยังเข้าชิงอีกสมัยด้วย แต่แชมป์สมัย 5 ของหงส์แดงไม่เกิดขึ้นเพราะแพ้ยูเวนตุสที่บรัสเซลส์

ครึ่งหลังของทศวรรษที่ 80 บอกไม่ถูกว่าจะเป็นอย่างไรถ้าสโมสรจากอังกฤษไม่ถูกลงโทษแบนจากสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) จากเหตุโศกนาฏกรรมที่เฮย์เซล สเตเดี้ยม ต่อเนื่องจากนัดชิงที่ม้าลายพิชิตยอดทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์

อันนั้นคือเรื่องที่ไม่เกิดขึ้น เป็นอดีตที่ผ่านไปนานแล้วแม้จะมีการคาดการณ์ว่าอย่างน้อยๆ ลิเวอร์พูล เอฟเวอร์ตัน และอาร์เซน่อล น่าจะช่วยกันคว้าแชมป์ให้กับลูกหนังอังกฤษอีกสัก 1-2 สมัย

สโมสรอย่างลิเวอร์พูลจึงมีฐานแฟนบอลมากมายด้วยเหตุผลประกอบกันแบบนี้รวมไปถึงเหตุผลข้ออื่นๆ ทั้งแนวทางการเล่น ชื่อสโมสร ความเชื่อมโยงกับเมืองลิเวอร์พูลที่เป็นต้นกำเนิดของ The Beatles นักฟุตบอลชั้นนำ มนต์ขลังของสนามแอนฟิลด์อันเป็นที่เลื่องลือ ฯลฯ

ทุกๆ อย่างประกอบกันเข้าเป็นด้านบวกให้ลิเวอร์พูลมีทุกวันนี้ เพราะแม้กระทั่งในวันที่ร้างความสำเร็จยาวนาน แฟนบอลใหม่ๆ ของสโมสรแห่งนี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ราวกับไล่กวาดโทรฟี่ปีเว้นปียังไงยังงั้น

หลังจากผ่านความเจ็บช้ำมาตลอด ลิเวอร์พูลทำได้สำเร็จจริงๆ สิ้นสุดการรอคอย 30 ปีด้วยผลงานเอกอุแบบที่หาใครทำได้ยาก

ฤดูกาลนี้ยังไม่จบ ยังเหลืออีก 7 นัด 21 คะแนนเต็ม แต่ลิเวอร์พูลทำให้การลุ้นแชมป์จบแล้ว ไม่เคยมีแชมป์ครั้งไหนจบเร็วขนาดนี้มาก่อน

แม้จะเสียโอกาสทำสถิติหลายอย่างไปโดยเฉพาะทริปเปิ้ลแชมป์และสถิติไร้พ่าย แต่พวกเขาก็ยังมีโอกาสทุบสถิติต่างๆ อีกมากอาทิ แต้มมากที่สุด 100 คะแนนของแมนฯ ซิตี้ ชนะในบ้านมากที่สุด 18 เกมที่ทำได้หลายทีม เป็นแชมป์ด้วยคะแนนทิ้งห่างที่สุด ฯลฯ

การรอคอยอาจจะจบแล้วก็จริงแต่แฟนบอลลิเวอร์พูลยังจะได้สนุกไปกับ 7 เกมที่เหลือ ไม่ว่าจะสถิติทั้งหลายที่รอให้ทำลายหรือการดูทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ว่ากุนซือเยอรมันจะจัดนักเตะลงสนามอย่างไรในเกมที่เหลือ

นักเตะดาวรุ่งจากทีมเยาวชนจะได้ลงสนามมากน้อยแค่ไหน เดอะค็อปอยากเห็นฟอร์มของ เนโก้ วิลเลียมส์ มากกว่านี้หลังทำผลงานโดดเด่นเมื่อเปลี่ยนตัวลงมาเล่นแทน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในตำแหน่งแบ๊กขวาเกมถล่มคริสตัล พาเลซ

อยากเห็น ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ อยากเห็น เคอร์ติส โจนส์ อยากเห็น ยาสเซอร์ ยาร์อูชี่ คียาน่า ฮูแฟร์ เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก ฯลฯ

เช่นเดียวกับที่อยากเห็นฟอร์มของ นาบี เกอิต้า กับ ทาคุมิ มินามิโนะ มากกว่านี้ สองคนนี้ได้รับการจับตามองว่าน่าจะขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่มากขึ้นในฤดูกาลหน้า และก็ได้รับเสียงเชียร์จากเดอะค็อปพอสมควร

อยากเห็นการอำลาที่สวยงามของนักเตะที่อยู่ในข่ายร่ำลา ทั้ง เดยัน ลอฟเรน อดัม ลัลลาน่า เซอร์ดาน ชากิรี่ อยากเห็นคนที่อาจจะได้เล่นน้อยลงมากในฤดูกาลหน้าอย่าง เจมส์ มิลเนอร์

ครอบครัวลิเวอร์พูลแข็งแกร่งเหนียวแน่น มี เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นเหมือนศูนย์รวมใจ ใครๆ ก็เล่นให้เขาอย่างถวายหัว และทุกคนยอมรับการตัดสินใจของเขา ไม่เคยมีนักเตะคนไหนแสดงความไม่พอใจหรือทำตัวแตกแถวออกนอกลู่นอกทาง เป็นการยืนยันให้เราเห็นว่าเขาคือผู้จัดการทีมที่ได้รับความศรัทธาจากลูกทีมมาก

สุดท้ายแล้วความยิ่งใหญ่ของคล็อปป์ก็ยังเป็นคนที่จบการรอคอยให้กับลิเวอร์พูล ทำให้เดอะค็อปได้สัมผัสกับความรู้สึกของการเป็นแชมป์ลีกอย่างจับต้องได้

คว้าแชมป์ยุโรปก็ดี เป็นแชมป์สโมสรโลกก็ปลื้ม แต่แชมป์พรีเมียร์ลีกนี้เหนือคำบรรยาย

เขานำพาความรู้สึกนี้มาสู่กองเชียร์ของสโมสร ไม่เคยมีใครทำได้เลยนับจาก เซอร์เคนนี่ ดัลกลิช เมื่อปี 1990

ยิ่งคิดก็ยิ่งเข้าใจถึงวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ของคล็อปป์ 5 ปีที่อยู่ในตำแหน่งเขาเปลี่ยน “ผู้สงสัย” เป็น “คนที่เชื่อ” ได้จริงๆ

พูดจริง และทำได้จริง

ลองจินตนาการดูว่าภารกิจนี้ยากขนาดไหน ในวันที่เขารับงานที่แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูลแทบไม่มีความหมายสำหรับพรีเมียร์ลีกถ้าว่ากันในแง่การลุ้นแชมป์

นู่น.. มันเป็นเรื่องของ แมนฯ​ ซิตี้ เชลซี แมนฯ ยูไนเต็ด นู่น สเปอร์สยังมีโอกาสมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะหลังพลาดหวังจากการเป็นแชมป์เมื่อปี 2014 และเสียตัวหลักอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ ราฮีม สเตอร์ลิง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไป ผลงานของทีมก็ดิ่งเหวไร้วี่แววฟื้น

ห้าปีผ่านไป เขาสร้างลิเวอร์พูลขึ้นมาใหม่ ก่อนจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างไร้เทียมทาน เขาเสกแชมป์สโมสรโลกหนแรก แชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 และแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ให้กับทีม พ่วงด้วยการเข้าชิงบอลถ้วย 3 รายการไล่ตั้งแต่ ลีกคัพ ยูโรปา ลีก และแชมเปี้ยนส์ ลีก

ทิศทางมีแต่ทะยานขึ้นสูง ไม่เหลียวมองข้างหลัง

นับจากนี้ไปยิ่งน่าสนใจ เมื่อเดอะค็อปเข้าใจความรู้สึกของการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้ว ทีมจะก้าวไปอย่างไรต่อ

สิ่งที่ควรจะเป็นคือ ป้องกันแชมป์ให้ได้ นั่นคือเป้าหมายแรก เพราะมันคือการยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้พอใจเพียงแค่การเอาแชมป์เท่านั้น หากยังรักษาแชมป์เพื่อสานต่อความยิ่งใหญ่

ภารกิจในฤดูกาลนี้ทำได้สำเร็จแล้ว อีกไม่นานภารกิจในฤดูกาลหน้าก็จะมาถึง แต่เชื่อว่าสำหรับคนอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ แล้วเขาไม่รอ

ฤดูกาลใหม่สำหรับเขาคงจะเริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่เกมต่อไป.. ทุกเกมนับจากนี้จะเป็นการปูทางสู่ซีซั่นใหม่ที่ต้องทำให้ดีกว่าเดิม

.

.

บทความโดย :: ป้าพล็อต

ติดตามข่าวสารได้ที่ :: ข่าวฟุตบอลต่างประเทศ

บทความก่อนหน้า ::#คำชมจากศัตรูที่รัก การแสดงถึงความเป็นนุษย์ที่ดี