ยังไม่รู้ว่าเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้จะฟาดแข้งกันที่ไหน
ยังไม่รู้ว่าเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้จะฟาดแข้งกันที่ไหน
ฝั่ง 2 ทีมแห่งเมืองลิเวอร์พูลอยากจะเตะกันในกูดิสัน พาร์คตามปกติ ฝ่ายนายกเทศมนตรีของเมืองก็เห็นเหมือนกัน ขณะที่ตำรวจเมอร์ซี่ย์ไซด์ก็ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลางแม้จะมีความเชื่อมั่นอยู่ว่าสามารถจัดการสถานการณ์ต่างๆ ได้ถ้าเกมต้องเล่นกันในสนามเหย้าของทีมทอฟฟี่สีน้ำเงินจริงๆ
ทางท้องถิ่นเชื่อว่าเกมจัดที่กูดิสัน พาร์คได้ตามโปรแกรมเหย้าปกติไม่มีปัญหา แฟนบอลที่เขากลัวกันว่าจะแห่กันออกมาอยู่ใกล้ๆ สนามเพื่อซึบซับบรรยากาศจนกลายเป็นการละเมิดมาตรการ Social distancing ก็ได้รับความเข้าใจมากขึ้นแล้วผ่านการประชาสัมพันธ์ต่อเนื่องและการต้องอยู่ท่ามกลางสภาวะไวรัสโดยตรง
หากเรื่องนี้คือเรื่องละเอียดอ่อนคงจะเอาความรู้สึกหรือความมั่นใจของตัวเองมาวัดอย่างเดียวไม่ได้ ส่วนท้องถิ่นทำได้เพียงชี้แจง ให้ข้อมูล ให้ความคิดเห็น แต่การตัดสินใจเป็นของตำรวจส่วนกลาง ของรัฐบาลอังกฤษ
แต่สำหรับลิเวอร์พูล.. เตะที่ไหนก็คงเหมือนกัน
ขอเพียงได้ลงสนามเถิด จะให้บุกบั่นไปเล่นกันที่ไหนก็ได้ เพราะเป้าหมายของพวกเขาชัดเจน ขออีก 6 คะแนนเพื่อเป็นแชมป์
ในโปรแกรมอีก 9 นัดที่เหลือของลิเวอร์พูล มีอยู่ 2 เกมที่พรีเมียร์ลีกกังวลและอาจจะต้องให้ไปเล่นในสนามเป็นกลางนั่นคือเกมกับเอฟเวอร์ตันที่กูดิสัน พาร์ค และเกมเยือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม
อีก 7 เกมที่เหลือเล่นได้ตามโปรแกรมเหย้าเยือน
นั่นหมายความว่าเกมอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงเรื่องแฟนบอลจะเดินทางไปกระจุกตัวกันอยู่รอบๆ สนามอย่างเกมเหย้าที่เจอกับ คริสตัล พาเลซ แอสตัน วิลล่า เบิร์นลี่ย์ และ เชลซี นั้น ลิเวอร์พูลก็ยังจะได้เล่นในสนามแอนฟิลด์
ถามว่ามีความเสี่ยงไหมก็แน่นอน ถ้าเรายึดเอาเกมเยือนกูดิสัน พาร์ค เป็นบรรทัดฐานเนื่องจากเล่นในเมืองลิเวอร์พูลเหมือนกัน เพียงแต่เกมในรังทอฟฟี่ความยุ่งยากที่ส่วนกลางกังวลอาจทวีเป็น 2-3 เท่าเพราะต้องเสี่ยงกับแฟนบอลเจ้าบ้านที่อยู่ในเมืองเดียวกันด้วย อีกทั้งขึ้นชื่อว่าดาร์บี้แมตช์ ความเสี่ยงย่อมมีมากกว่าเกมอื่นๆ อยู่แล้ว
ม้นก็เป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ ซึ่งก็อย่างที่คุยกันไปนั่นแหละ สำหรับลิเวอร์พูลแล้วไม่มีปัญหาหรอก จะเตะที่ไหนก็ได้
พูดถึงเรื่องสนามเหย้า ตอนนี้จะเห็นว่าหลายทีมในพรีเมียร์ลีกลงซ้อมแบบลงทีม 11 ต่อ 11 หรืออุ่นเครื่องกับทีมอื่นกันในสนามของตัวเองกันเลย ไม่ได้ทำที่สนามซ้อมเหมือนเคย
ลิเวอร์พูลซ้อมที่เมลวู้ด แมนฯ ยูไนเต็ดซ้อมที่แคร์ริงตัน อาร์เซน่อลที่ลอนดอนโคลนี่ย์ เชลซีที่ค็อบแฮม ปกติก็จะซ้อมกันอยู่ที่นั่น เมื่อถึงเวลาแข่งก็ค่อยเตะในสังเวียนเหย้าของตัวเอง
แต่ในช่วงเตรียมความพร้อมก่อนที่พรีเมียร์ลีกจะกลับมาถึง หลายทีมเล่นแบบลงทีม 11 ต่อ 11 หรือเตะอุ่นเครื่องกันในสนามของตัวเองเลย ลิเวอร์พูลเล่น 11 ต่อ 11 ที่แอนฟิลด์ เช่นเดียวกับแมนฯ ยูไนเต็ดในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เชลซีที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ อาร์เซน่อลก็นัดชาร์ลตันมาอุ่นเครื่องกันในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
ยังมีอีกหลายทีมไม่ว่าจะเป็น แอสตัน วิลล่า ที่เตะอุ่นเครื่องกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในวิลล่า พาร์ค นิวคาสเซิ่ลลงทีมที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค เวสต์แฮมที่ลอนดอน สเตเดี้ยม นอริชที่แคร์โรว์ โร้ด ฯลฯ
เพราะทุกทีมอยากได้ความพร้อมและความคุ้นเคยมากที่สุดในบรรยากาศที่เปลี่ยนไป
ไม่รู้ว่าชะตากรรมที่เกิดขึ้นกับทีมเหย้าทั้งหลายในเวทีบุนเดสลีกาจะมีผลหรือเปล่า ลีกสูงสุดเมืองเบียร์กลับมาฟาดแข้งกันไป 5 นัดแล้วผลปรากฏว่าเจ้าบ้านแพ้ระนาว คือทีมเยือนไม่เพียงแต่แพ้ยากขึ้นหากยังเปลี่ยนจาก ไม่แพ้ เป็น บุกชนะ ได้เลยต่างหาก
สถิติชนะของทีมเยือนที่มากกว่าทีมเหย้าร่วมเท่าตัวของบุนเดสลีกาอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทีมในพรีเมียร์ลีกต้องเอะใจและใส่ใจกับรายละเอียดตรงนี้เพิ่มขึ้น
เสียงเชียร์ที่หายไปและบรรยากาศซึมๆ ในสนาม มองขึ้นไปก็เห็นแต่เก้าอี้ว่างเปล่าบนอัฒจันทร์มันชวนให้หดหู่ ไร้ความกระหายที่จะเตะ ตรงกันข้ามกับอารมณ์คึกคักของทีมเยือนที่ไม่ถูกรบกวนใดๆ จากเสียงคุกคามของกองเชียร์
มันอาจจะเป็นเหตุผลนั้นก็ได้ ฟุตบอลแบบปิดสนามเตะความได้เปรียบทุกอย่างที่เราเคยคิดว่าเป็นของเจ้าบ้านยังเหลืออยู่ไม่ว่าจะเป็นความคุ้นเคยกับพื้นสนาม คุ้นเคยกับขนาดสนาม รู้จักทุกมุมของสนามดีกว่า ห้องแต่งตัวอบอุ่นสบายกว่า ยกเว้นอย่างเดียวคือเสียงเชียร์
ถ้ายึดเอา 5 เกมที่ผ่านมาของบุนเดสลีกาเป็นเกณฑ์นั่นหมายความว่าความได้เปรียบทั้งหลายเหล่านั้นไม่มีผลในแง่ปฏิบัติเลย เสียงเชียร์ต่างหากที่มีความหมายที่สุด
ไม่แปลกที่แต่ละทีมในพรีเมียร์ลีกจะซ้อมหรือลงทีมเตะกันเองแบบเต็มสนามในสนามเหย้าของตัวเองจริงๆ เป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะต้องเจอ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่ายิ่งตื่นตัวกับรายละเอียดนี้มากขึ้นหลังจากได้เห็นผลลัพธ์ของเจ้าบ้านทั้งหลายในลีกเยอรมัน
เรื่องสนามเตะเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้วันจันทร์ที่ 21 มิ.ย. นี้จะเป็นที่ไหนก็ค่อยรอบทสรุปอีกที ถ้าไม่ได้เตะที่กูดิสัน พาร์คอาจจะน่าเสียดายอยู่แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากมากนัก ทุกคนเข้าใจดีถึงการตัดสินใจที่ต้องวางอยู่บนพื้นฐานของความเหมาะสม
ส่วนเกมที่จะเตะในแอนฟิลด์จนถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เดอะค็อปเองก็คงอยากจะรู้เหมือนกันว่า 4 เกมในแอนฟิลด์กับ คริสตัล พาเลซ แอสตัน วิลล่า เบิร์นลี่ย์ และ เชลซี นั้น ถ้าลงเล่นในรังเหย้าตัวเองจริง ทีมรักจะมีผลงานอย่างไร จะหัวทิ่มเหมือนทีมเหย้าในบุนเดสลีกาไหม
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงบอกความรู้สึกไม่ถูก ทีมแพ้น่ะไม่ยินดีแน่ แต่มันก็หมายถึงเสียงเชียร์ของพวกเขาคือสิ่งสำคัญที่ทีมขาดไม่ได้ กลายเป็นความรู้สึกภูมิใจเหมือนกัน
.
.
บทความโดย :: ป้าพล็อต
ติดตามข่าวสารได้ที่ :: ข่าวฟุตบอลต่างประเทศ
บทความก่อนหน้า :: จะว่าแปลกก็ไม่ผิด